位於桃園中壢的一間泰國東北火鍋餐館,正在悄悄地傳遞著不僅僅是美食,更是一段跨越國界的文化與歷史故事。這家名為「暹羅鍋」的小餐館,由陳育誠和他的泰國華僑妻子龔桂香共同經營,他們的餐廳不僅僅是泰國味道的縮影,更是許多泰北孤軍後代在異鄉的溫暖港灣。
[聯絡資訊]
暹羅鍋
桃園市中壢區元化路2-15號1樓
0916-686-548
地圖:https://maps.app.goo.gl/wbgj2mCNqUgYbGtMA
報導:https://www.youtube.com/watch?v=GdadjPk0N1s
泰國菜向來以它的酸辣、濃郁的風味為人所知,而東北泰國的火鍋更是泰國飲食文化中的一抹獨特。進入暹羅鍋,首先映入眼簾的是巨大的泰國守護神夜叉雕像,這樣的裝飾傳遞著濃厚的泰國風情。餐廳裡的每一片牆紙、每一盞燈飾,都讓人瞬間感受到身處東南亞的氛圍。
然而,讓食客們流連忘返的不僅是這些視覺感受,更是桌上那一鍋熱騰騰的湯底。龔桂香親自挑選來自自家無農藥菜園的香料,包括香茅、南薑、羅望子和九層塔,與大骨一起燉煮數小時,才能熬出道地的東北泰國風味。「東北部的人以前務農,早上吃糯米飯,吃重鹹重辣,才能有體力工作。」龔桂香解釋道。
這裡的沾醬更是多元豐富,從泰國特色的牛膽汁到特製的海鮮醬,都展現了她對於故鄉味道的堅持與講究。餐廳的食材,也都是他們夫妻倆親自到菜園採摘,堅持無農藥栽種。「香茅如果灑農藥,長得雖然漂亮,但香味就不夠。」陳育誠補充道。
龔桂香的故事不僅僅是食材選擇的背後,還有一段關於「泰北孤軍」的歷史。這群孤軍後代的命運因中國內戰而飄零於異域,他們的祖輩曾經是中華民國國軍,1949年國共內戰後,撤退到緬甸及泰國邊境的叢林裡繼續抗戰,成為一個被遺忘在異域的軍隊。龔桂香便是這群後代中的一員,從小在寮國成長,經歷了艱辛的求生之路,直到九歲才移居泰國清萊,並在成年後來到台灣尋找更好的生活。
「我不想只是當一個普通的員工,我想改變我的人生。」龔桂香回憶起當年從泰國來到台灣時的想法。她從2013年開始創業,從一間小吃店開始,逐步建立自己的事業,並在台灣安居樂業。陳育誠,這位來自台灣軍人家庭的丈夫,原本是一名退伍軍人,退伍後到泰國旅居做生意,與龔桂香相識後回台灣共同打理餐館。
這間餐廳除了提供道地的泰式料理外,還肩負著一個更為深遠的使命。龔桂香和陳育誠共同決定,這裡不僅是餐廳,更是一個為在台灣求學的泰北孤軍後代提供安心工作的場所。許多來自泰國北部的學生,由於經濟壓力,除了學業外還需要打工來支付生活費及學費。「在這裡工作,讓我們感覺有家的溫暖,老闆夫妻也很照顧我們。」一位來自清萊的學生說道。
這些學生大多是龔桂香的同鄉後代,他們在這裡學習廚藝,並且感受到家的支持。「我們希望能幫助到更多的孩子,給他們一個在台灣安心學習和成長的環境。」陳育誠表示,他們的目標不僅是提供工作機會,更是幫助這些年輕人學到一技之長。
在台灣,越來越多的人對泰國文化產生濃厚的興趣。無論是到泰國旅遊、學習泰語,還是對泰國美食情有獨鍾,泰國文化在台灣的影響力正不斷擴大。而龔桂香和陳育誠的這間餐廳,正是這股文化潮流的一部分,為喜愛泰國的台灣人提供一個了解這個國家的窗口。
「我們希望透過這些道地的泰國料理,讓更多台灣人能夠了解泰國的文化與歷史。」龔桂香說。這裡的食物不僅僅是一道道美味的菜餚,更是一段段動人的故事,講述著異鄉人的堅韌與對家鄉的熱愛。
從泰國北部的香茅和馬蜂橙葉,到泰北孤軍後代的故事,龔桂香和陳育誠的餐館「暹羅鍋」,讓台灣的食客們不僅僅品嚐到泰國的風味,更體會到背後承載的文化與歷史。在這裡,每一份菜餚都充滿著家的溫暖,讓每一位客人都能感受到那份跨越國界的情感。
透過這樣的餐廳,我們得以更深入地認識泰國,不僅是它的美食,更是它的文化和人文故事。無論您是否曾經到訪泰國,這間餐廳都會讓您重新認識這個國家,以及它那深植於歷史的獨特魅力。
ในย่านจงลี่ เมืองเถาหยวนของไต้หวัน มีร้านอาหารเล็กๆ ที่ชื่อว่า "暹羅鍋 แจ่วฮ้อนจงลี่ by ครัวเชียงราย" ซึ่งนำเสนออาหารหม้อไฟแบบอีสานแท้ๆ ของไทย ร้านนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับทานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง และที่นี่มีเรื่องราวของคนไทยที่เดินทางมาสร้างชีวิตใหม่ในไต้หวัน
ร้านอาหารแห่งนี้ดำเนินการโดยคุณเฉินอี้เฉิง และภรรยาชาวไทยของเขา คุณกงกุ้ยเซียง ซึ่งเป็นลูกหลานของทหารกองพลที่สาม (ทหารจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่สู่ภาคเหนือของไทย) พวกเขาทั้งคู่ได้สร้างร้านอาหารที่ไม่เพียงนำเสนออาหารไทยแท้ๆ แต่ยังมอบโอกาสในการทำงานและเรียนรู้ให้กับลูกหลานของทหารกองพลที่สามที่มาศึกษาในไต้หวัน
อาหารไทยเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรสชาติที่จัดจ้านและหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจากภาคอีสานซึ่งมีความเผ็ดร้อนและเปรี้ยวเด่น เมื่อก้าวเข้าสู่ร้าน 暹羅鍋 แจ่วฮ้อนจงลี่ by ครัวเชียงราย คุณจะพบกับบรรยากาศไทยแท้ ตั้งแต่รูปปั้นยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องไปจนถึงการตกแต่งภายในที่มีความเป็นไทยที่ชัดเจน
ไม่เพียงแต่การตกแต่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศไทย แต่รสชาติของอาหารที่นี่ก็นำพาคุณไปสู่ภูมิภาคอีสานอย่างแท้จริง น้ำซุปหม้อไฟของที่นี่ถูกปรุงด้วยสมุนไพรสดจากสวนหลังบ้านของพวกเขา เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า ซึ่งทุกอย่างถูกปลูกด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ ปราศจากสารเคมี "ตะไคร้ถ้าโดนแมลงกัด รสชาติก็จะยิ่งหอม" คุณเฉินอี้เฉิงกล่าวถึงการดูแลพืชสมุนไพรที่ปลูกเอง
เบื้องหลังอาหารไทยที่อร่อยของร้านนี้ มีเรื่องราวของกงกุ้ยเซียงและทหารกองพลที่สามซ่อนอยู่ ทหารกองพลที่สาม คือทหารจีนที่หนีจากสงครามกลางเมืองในประเทศจีนหลังปี ค.ศ. 1949 และอพยพไปยังภาคเหนือของไทย ทหารเหล่านี้ตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า-ลาว และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาหลายทศวรรษ
กงกุ้ยเซียงเกิดในลาวและย้ายมาอยู่ที่จังหวัดเชียงรายเมื่ออายุ 9 ปี เธอเติบโตขึ้นท่ามกลางวัฒนธรรมไทยและจีนผสมผสานกัน จนกระทั่งในวัยผู้ใหญ่ เธอตัดสินใจเดินทางมายังไต้หวันเพื่อหาชีวิตที่ดีขึ้น "ฉันไม่อยากเป็นแค่พนักงานธรรมดา ฉันอยากเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง" กงกุ้ยเซียงกล่าว
เธอเริ่มเปิดร้านอาหารเล็กๆ ในปี 2013 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจของตัวเองในไต้หวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสามีของเธอ ซึ่งเป็นอดีตทหารของไต้หวัน
ร้าน 暹羅鍋 แจ่วฮ้อนจงลี่ by ครัวเชียงราย ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ที่เสิร์ฟอาหารอร่อย แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้โอกาสในการทำงานและเรียนรู้สำหรับลูกหลานของทหารกองพลที่สามที่มาศึกษาในไต้หวัน นักเรียนเหล่านี้มักจะต้องทำงานนอกเวลาเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการศึกษาและการดำรงชีวิตของพวกเขา "การมีสถานที่ทำงานที่อบอุ่นและได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของร้านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก" นักเรียนจากเชียงรายที่มาทำงานที่ร้านกล่าว
ร้านนี้ไม่เพียงแต่ให้พวกเขามีรายได้ แต่ยังเป็นที่ที่พวกเขาสามารถเรียนรู้การทำอาหารไทยและรู้สึกเหมือนได้รับการดูแลจากคนในครอบครัว กงกุ้ยเซียงได้ถ่ายทอดทักษะการทำอาหารของเธอให้กับเด็กๆ เหล่านี้ เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโตและพัฒนาตัวเองในต่างแดน
ในปัจจุบัน มีคนไต้หวันที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวไทย การเรียนภาษาไทย หรือการลิ้มรสอาหารไทย และร้าน 暹羅鍋 แจ่วฮ้อนจงลี่ by ครัวเชียงราย ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนไต้หวันสามารถมาสัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมไทยได้อย่างแท้จริง
"เราหวังว่าผ่านอาหารไทยแท้ๆ ที่เรานำเสนอ จะทำให้คนไต้หวันได้รู้จักกับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น" กงกุ้ยเซียงกล่าว อาหารของร้านนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เมนูที่อร่อย แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทยและไต้หวัน
จากใบมะกรูดและตะไคร้ในสวนหลังบ้านไปจนถึงเรื่องราวของลูกหลานทหารกองพลที่สาม ร้าน 暹羅鍋 แจ่วฮ้อนจงลี่ by ครัวเชียงราย ไม่เพียงแต่นำเสนออาหารไทยแท้ๆ แต่ยังส่งต่อความอบอุ่นและการสนับสนุนให้กับลูกหลานของทหารกองพลที่สามในไต้หวัน ที่นี่ ทุกจานอาหารเต็มไปด้วยความห่วงใยและความรัก และทำให้คนที่มาทานรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับกลิ่นอายของเมืองไทย
การรับประทานอาหารที่ร้านนี้ไม่ใช่แค่การสัมผัสรสชาติแสนอร่อย แต่ยังเป็นการเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมไทยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น