有些人旅行時,喜歡身邊有個旅伴,有些人則喜歡獨旅。我自己是獨旅派,從小時候的畢業旅行開始,只要有自由活動的時間,我大多會選擇一個人從頭逛到尾🤣。長大後,除了家庭旅遊外,我也總是自己安排好行程後,就獨自一人出發~
如果問我為什麼喜歡獨旅,我的回答會是──不用互相遷就或妥協。因為一趟旅程中,如果有人需要背離自己原本的意願而退一步,哪怕只是極小幅度的讓步,對我來說,整趟旅程的舒適度就會打了折扣。
但如果你剛好相反,是個從未獨旅過、想嘗試卻遲遲下不了決心的人,也許可以看看這篇文章,認識一下獨旅的好處和魅力,說不定你也能在獨旅中,找到療癒自己的方式❤️🩹✨※本篇翻譯自 The Standard 的文章《為什麼獨自旅行有助於療癒心靈?》
ในช่วงเวลาที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียดและความกดดัน การเดินทางคนเดียว (Solo Travel) อาจเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เรามอบให้ตัวเอง เพราะนี่ไม่ใช่แค่การออกไปท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆ แต่เป็นหนึ่งรูปแบบของ การเยียวยาตัวเอง (Healing Journey) ประเภทหนึ่ง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พัก ได้ทบทวน และอยู่กับความเงียบ การเดินทางลำพังทำให้เราได้ฟังเสียงของตัวเองชัดขึ้น รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
當生活充滿緊張和壓力時,獨自旅行(Solo Travel)也許是我們送給自己最好的禮物。因為這不只是前往一個新的地方旅行,更是一種療癒自己(Healing Journey)的方式。給予自己能夠休息、重新思考的機會,並與安靜共處。獨自旅行讓我們可以更清楚地聽見自己的聲音、了解自己的需求,並學著更加依靠自己。
1. เลือกจุดหมายที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจ
การเลือกจุดหมายที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อการเยียวยา สถานที่ที่เงียบสงบและใกล้ชิดธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่โอบล้อมด้วยสายหมอก ทะเลที่มีเสียงคลื่นกล่อมใจ หรือเมืองเล็กๆ อันเต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม ทุกสถานที่ล้วนมีพลังบางอย่างที่ช่วยให้เราค้นพบความสงบภายใน หากคุณต้องการความเงียบ ลองเลือกเมืองที่เดินช้าๆ ได้ เช่น เกียวโต หรืออูบุด หากต้องการให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ลองหาสปาหรือรีสอร์ตที่มีโปรแกรมโยคะและสมาธิ การใช้เวลาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้จิตใจเราคลายความวุ่นวาย
1. 選擇有助於修復心靈的目的地
選擇合適的目的地,是療癒之旅的第一步。寧靜並親近大自然的地點,是個很好的選擇。無論是霧氣繚繞的山林、有海浪聲撫慰人心的海洋,或是充滿魅力與文化氣息的小城市,每個地方都有某些能幫助我們找尋內在平靜的能量。如果你需要安靜,試著選擇能夠慢慢散步的城市,例如京都或烏布;如果想讓身體放鬆,試著找找有瑜珈和冥想課程的水療中心或渡假村。在良好的環境中待上一段時光,能幫助我們的心靈從混亂中得到舒緩。
2. ใช้เวลากับตัวเองอย่างมีคุณภาพ
เมื่อเดินทางคนเดียว การให้เวลากับตัวเองอย่างมีความหมายเป็นสิ่งสำคัญ ลองเขียนบันทึกทุกวัน ระบายความรู้สึกหรือสิ่งที่พบเจอในทริป การเขียนช่วยให้เราเรียบเรียงความคิด และอาจทำให้เราตระหนักถึงบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้ การฝึก Mindfulness หรือการอยู่กับปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ทริปของเรามีคุณค่ามากขึ้น ลองเดินช้าๆ มองรอบตัว หายใจลึกๆ รู้สึกถึงทุกย่างก้าวที่เดินไป ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องทำตามแพลนเป๊ะๆ แต่ปล่อยให้ตัวเองได้ซึมซับประสบการณ์ในแบบของตัวเอง
2. 花時間有品質的與自己相處
當獨自旅行時,有意義的給自己時間是重要的事。試著每天寫日記,抒發感受,或記錄旅途中所遇見的事物。寫作能幫助我們整理思緒,並可能讓我們察覺到一些過去從未看見的東西。此外,學習正念(Mindfulness)或活在當下,也能讓我們的旅程更有價值。試著慢慢走、觀察周圍、深呼吸、感受走過的每一步;不須急躁、不須確切地照著計畫執行,而是允許自己,能夠以自己的方式來吸收這段經驗。
3. เชื่อมโยงกับธรรมชาติ
ธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับการเยียวยาใจ การเดินป่าแบบ Shinrin-yoku หรือที่เรียกว่า Forest Bathing เป็นวิธีที่ช่วยให้จิตใจสงบลงโดยการใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งรอบตัว สูดกลิ่นไม้ ฟังเสียงใบไม้ไหว หรือแม้แต่การแช่เท้าในลำธารก็ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากอยู่ใกล้ทะเล ลองใช้เวลากับน้ำ ว่ายน้ำ เดินเท้าเปล่าบนหาด หรือเพียงแค่นั่งฟังเสียงคลื่น เท่านี้ก็เพียงพอที่จะช่วยปลดปล่อยพลังงานลบออกไป
3. 與大自然連結
對於療癒心靈而言,大自然是很好的能量來源。以森林浴(Shinrin-yoku / Forest Bathing)的方式漫步在森林中,是一種藉由感官來感知周遭,幫助心靈平靜下來的方式。呼吸樹木的味道、聆聽葉子沙沙的聲音,甚至只是將腳浸泡在溪流中,都能讓身心感受到難以置信的放鬆。如果住在海邊附近,可以嘗試花些時間與水為伍──游泳、赤腳走在沙灘上,或儘管只是坐著聆聽海浪聲,這些也足以幫助你釋放負面能量。
4. เดินทางแบบ Digital Detox
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้การเดินทางคนเดียวเป็นการเยียวยาอย่างแท้จริง คือการลดการใช้เทคโนโลยี ลองปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์ หยุดเช็กโซเชียล แล้วใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่ แทนที่จะรีบถ่ายรูปทุกอย่างที่เห็น ลองมองด้วยตาเปล่า จดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หยิบหนังสือดีๆ สักเล่มขึ้นมาอ่าน หรือใช้เวลากับสมุดบันทึกมากกว่าหน้าจอมือถือ Digital Detox ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดจากโลก แต่เป็นการให้เวลากับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
4. 用數位排毒(Digital Detox)的方式旅行
另一種讓獨自旅行真正成為療癒之旅的方式,是減少科技產品的使用。試著關掉手機通知,停止查看社群媒體,並盡可能花時間與自己相處。與其急著拍下所看見的一切,不如試著用肉眼觀察,記住微小的細節;拿起一本好書來讀,或把時間花在日記本上,勝於在手機螢幕上。數位排毒(Digital Detox)並不意味著必須與世界切斷聯繫,而是把時間留給真正重要的事情。
5. เปิดใจรับประสบการณ์ใหม่ๆ
แม้ว่าการเดินทางคนเดียวจะเป็นเรื่องของการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่บางครั้งการได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาใจ การพูดคุยกับคนท้องถิ่น ฟังเรื่องราวของพวกเขา หรือแม้แต่การนั่งเงียบๆ ในร้านกาแฟเล็กๆ แล้วสังเกตชีวิตรอบตัว ก็อาจทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับโลกมากขึ้น บางครั้งการเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ อาจนำพาเราไปสู่คำตอบที่เรากำลังตามหาโดยไม่รู้ตัว
5. 敞開心扉迎接全新的經驗
雖然獨自旅行是一件花時間與自己相處的事情,但有時遇見新的人,也是療癒心靈的一部分。與當地人聊天、聽聽他們的故事,或甚至只是安靜地坐在一間小小的咖啡館裡,然後觀察周圍的生活節奏,都可能讓我們覺得與世界產生更多連結。有時,敞開心扉迎接新的事物,也許會帶領我們走向我們正不自覺追尋的答案。
การเดินทางคนเดียวไม่ใช่เรื่องของความเหงา แต่มันคือการให้เวลากับตัวเอง ได้หยุดพักจากสิ่งที่วุ่นวาย และเชื่อมโยงกับตัวเองอีกครั้ง นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองโดยไม่มีสิ่งรบกวน และค้นพบว่าจริงๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครเพื่อให้รู้สึกเติมเต็ม ทุกครั้งที่เราออกเดินทางลำพัง เราจะได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับตัวเองเสมอ และอาจพบว่าการเดินทางครั้งนี้ ไม่ได้พาเราไปแค่ที่ใหม่ๆ แต่ยังพาเราเข้าใกล้ตัวตนของเรามากขึ้นด้วย
獨自旅行不是一件孤獨的事,而是給自己一段時間,能夠休息並遠離喧囂,再次與自己連結。這是一個我們可以不受干擾地傾聽自己內心聲音的機會,並發現到,其實我們不需要依賴任何人來感覺自己是完整的。每當我們獨自旅行時,我們總會學到一些關於自己的事,並可能會發現這次的旅行,不只是帶我們去到新的地方,也引領我們更加靠近我們的自我。
本篇取自 The Standard:https://thestandard.co/life/solo-travel-healing-journey/