今天翻譯的是一篇來自 Mission To The Moon 的文章《「沉默對待」-當生氣卻不說,對人心的傷害比想像中更大。》
這篇文章提到的「沉默對待」(Silent Treatment),概念其實接近我們熟悉的冷處理或冷暴力。在關係中,有時出於防衛,有時則是逃避,我們可能會不自覺地出現這樣的行為;又或者明知自己有這種行為模式,卻不知如何改變。如果你曾遇過類似情形,可以閱讀看看這篇文章,理解相關成因及有效的避免方法。
另外,想和大家分享一下,近期我開始嘗試翻譯一些比較正式的文章,本來以為會比翻譯 Pantip 的文章還困難,沒想到反而更容易掌握語句想傳達的意思,因為 Pantip 偶爾會出現敘述不完整或一些流行用語,但這些在正式文章中都會比較少遇到!เมื่อพูดถึงสถานการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกโกรธหรือไม่พอใจใครสักคน บางครั้ง หลายคนก็เลือกที่จะเงียบ เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ และไม่เผชิญหน้าหรือบอกความรู้สึกตรงๆ ซึ่งแม้ว่าพฤติกรรมนี้หรือที่เรียกว่า‘Silent Treatment’อาจจะดูเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงการแสดงความไม่พอใจได้ แต่มันกลับส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์มากกว่าที่คิด
當談及讓我們感到生氣或不滿某人的情形時,有時候,很多人都會選擇沉默,把怒氣藏在心中,而不去面對或直接表達感受。儘管這種行為,或稱「沉默對待」(Silent Treatment),看起來可能是種簡單的方法,可以幫助避免表達不滿,但它對關係的傷害反而比想像中更大。
แดน ซัฟโฟเลตตา (Dan Suffoletta) นักให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตจาก Self Space Therapy อธิบายว่า Silent Treatment มักเกิดจากความกลัวที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริง โดยอาจเป็นพฤติกรรมที่ซึมซับมาจากครอบครัว เมื่อเห็นผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดใช้วิธีนี้จัดการความขัดแย้ง
來自 Self Space Therapy 的心理健康顧問 Dan Suffoletta 解釋道,「沉默對待」通常起因於表達真實感受的恐懼,可能是當看見父母或親近的人使用這種方式來處理衝突後,從家庭中吸收而來的行為。
แม้ Silent Treatment จะช่วยให้รู้สึกสบายใจในช่วงแรก แต่เมื่ออีกฝ่ายหรือคู่กรณีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อาจทำให้ปัญหาที่มีอยู่ไม่ได้รับการแก้ไข และนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่มีแต่จะทำลายความสัมพันธ์ได้
即使「沉默對待」在一開始有助於讓人感到安心,但當對方或當事人不知道發生了什麼事,就可能導致存在的問題無法得到解決,並引發只會破壞關係的誤會。
【‘Silent Treatment’ ภัยของการเงียบใส่ เมื่อเกิดปัญหา】
【「沉默對待」-當發生問題時,沉默以對的風險】
มาร์ค เทรเวิร์ส (Mark Travers) นักเขียนและนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน อธิบายว่า‘Silent Treatment’คือ หนึ่งในรูปแบบของพฤติกรรมก้าวร้าวแบบแฝงเร้น (Passive-Aggressive Behavior) ที่บุคคลที่รู้สึกโกรธจะแสดงความก้าวร้าวหรือความไม่พอใจทางอ้อม โดยการประชดประชัน หรือแม้กระทั่งแกล้งลืมทำในสิ่งที่คู่กรณีต้องการ เนื่องจากไม่กล้าหรือไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้
美國作家兼心理學家 Mark Travers 解釋道,「沉默對待」是當一個人感到生氣時,會間接地表現出攻擊性或不滿的隱性攻擊行為(Passive-Aggressive Behavior/被動攻擊行為)的形式之一,藉由諷刺或甚至假裝忘記對方的需求,因為他們不敢或無法表達自己的真實感受。
ซึ่งการแสดงความไม่พอใจทางอ้อมจะทำให้บุคคลนั้นรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนืออีกฝ่าย ในทางตรงกันข้าม คู่กรณีที่โดนอีกฝ่ายแสดงพฤติกรรม Silent Treatment ใส่ ก็จะต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดด้วย โดยระหว่างนั้น พวกเขาก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคิดวนเวียนอยู่กับตัวเองว่าเผลอทำอะไรผิดพลาดลงไปหรือไม่
間接地表達不滿,會讓這個人感受到自己擁有高於對方的權力。相反地,遭受對方「沉默對待」的人,就必須等到對方願意開口,而在這期間,他們就可能無可避免地必須反覆思考自己是否有不小心做錯了什麼。
หากคำถามดังกล่าวไม่ได้รับคำตอบอย่างชัดเจน ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะคิดในแง่ร้ายหรือเกิดความรู้สึกด้านลบในใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนส่งผลต่อสุขภาพจิตและทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงได้ เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่า ตัวเองถูกปฏิเสธ กีดกัน และไม่มีคุณค่า
如果這樣的問題沒有得到清晰的回答,他們會越來越傾向於負面思考或在心中產生負面感受,進而影響心理健康,並導致關係惡化,因為他們會感覺自己被拒絕、被排斥且沒有價值。
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพบเจอสถานการณ์เช่นนี้บ่อยๆ นอกจากคนที่ได้รับผลกระทบจาก Silent Treatment จะเสี่ยงเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเอาใจอีกฝ่ายแล้ว ความไว้วางใจที่อาจใช้เวลาสร้างมายาวนานในความสัมพันธ์ ก็อาจพังทลายลงได้ในพริบตา
此外,如果經常遇到這樣的情形,除了遭受「沉默對待」影響的人,會為了討好對方而冒險改變自己外,對於在關係中可能已花費長時間建立的信任,也可能一瞬間就崩塌。
【3 วิธีเลิก Silent Treatment ก่อนความสัมพันธ์พังทลาย】
【在關係崩塌之前,停止「沉默對待」的3種方法】
จะเห็นได้ว่า Silent Treatment นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ถูกแก้ไขแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต และส่งเสริมการแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีจนอาจติดเป็นนิสัยในระยะยาวด้วย ดังนั้น เทรเวิร์สจึงแนะนำว่า เราทุกคนสามารถหลีกเลี่ยง Silent Treatment ได้ด้วย 3 วิธี ดังต่อไปนี้
可以發現,「沉默對待」除了無法幫助關係中所產生的問題被解決之外,還會對心理健康造成不良影響,並加劇不好的行為表現,以至於可能成為長期的習慣。因此,Travers 建議,我們每個人都能透過以下3種方法避開「沉默對待」:
1. อย่าใช้คำที่แสดงการ“เหมารวม”
1. 不要使用帶有「一概而論」的詞彙:
เมื่อไหร่ก็ตามที่โกรธ คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินการกระทำและพฤติกรรมคนอื่นเร็วเกินไป โดยการพูดว่า“คุณไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉันเลย”หรือ“คุณไม่เคยรับผิดชอบเลยสักครั้ง”แล้วทิ้งปัญหาเอาไว้ด้วยความเงียบทั้งอย่างนั้น
無論何時感到生氣,大多數人通常會過於快速地評判他人的舉動和行為,並說出「你不曾在乎過我的感受」或「你從來沒有負起責任過」,然後把問題以沉默的方式擱置著。
ดังนั้น เทรเวิร์สจึงแนะนำว่า ให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่มีการเหมารวม และให้สูดหายใจลึกๆ แทน เพื่อสงบสติอารมณ์ จึงค่อยสื่อสารอย่างตรงประเด็นมากขึ้น เช่น“ฉันกำลังพูดอยู่ แต่คุณพูดแทรก ฉันขอพูดให้จบได้ไหม?”เป็นต้น
因此,Travers 建議,盡量避免使用帶有「一概而論」的詞彙,並用深呼吸來代替,以使自己冷靜下來,再慢慢以切入要點的方式進行溝通。例如「我正在說話,但你插話了,我可以請求先說完嗎?」等等。
เพราะการสื่อสารอย่างตรงประเด็นและไม่ตัดสิน นอกจากจะทำให้คู่สนทนารู้เท่าทันอารมณ์ของเราได้แล้ว อีกฝ่ายก็จะไม่เสียความรู้สึกเพราะตัวเองถูกตัดสินด้วย
因為以切入要點且不帶評判的方式進行溝通,除了能讓對方了解我們的情緒外,對方也不會因為自己被評判而感到不是滋味。
2. รู้จักจัดการกับสิ่งกระตุ้นล่วงหน้า
2. 認識並提前管理觸發因素:
เทรเวิร์สชี้ว่า การรู้จักสังเกตความรู้สึก และตระหนักได้ว่าอะไรคือปัจจัยที่มักกระตุ้นความไม่พอใจของตัวเอง พร้อมกับวางแผนรับมือไว้ก่อน ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการแสดงพฤติกรรมแบบ Silent Treatment ได้
Travers 指出,知道如何觀察情緒,並能意識到哪些是常常觸發自己不滿的因素,同時提前規劃應對方式,就有助於我們避免表現出「沉默對待」的行為。
เช่น ถ้าเราต้องเจอเพื่อนคนหนึ่งที่มักจะพูดเสียงดัง จนรู้สึกว่าเป็นการรบกวนหรือทำให้รำคาญ เราก็อาจบอกอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่แฝงคำพูดทำร้ายจิตใจออกไปได้ว่า“วันนี้มีคนอยู่เยอะ คุยกันเบาๆ แล้วกันนะ จะได้ไม่รบกวนคนอื่น”เป็นต้น
例如,如果我們要見一位經常說話很大聲的朋友,而讓我們感到不便或煩躁,我們或許就可以用不帶有傷害對方心靈的詞彙,直接地說「今天有很多人,聊小聲一點,好嗎?才不會打擾到別人。」等等。
3. สื่อสารความรู้สึกอย่างจริงใจ
3. 真誠地溝通感受:
การรู้เท่าทันและเข้าใจในอารมณ์ของตัวเอง พร้อมกับค้นหาวิธีสื่อสารที่เหมาะสมนั้นคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เลิก Silent Treatment หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวแบบแฝงเร้นในรูปแบบอื่น ดังนั้น เราจึงควรซื่อสัตย์กับตัวเอง ด้วยการบอกความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนและจริงใจ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไม่ให้บานปลายในอนาคต
瞭解並理解自己的情緒,同時尋找合適的溝通方法,是幫助停止「沉默對待」或表現出其他形式的隱性攻擊行為的重要事項。因此,我們應該對自己誠實,透過清楚且真誠地表達感受,以解決衝突的問題,不讓它在未來惡化。
โดยทุกครั้งที่รู้สึกไม่พอใจ เทรเวิร์สแนะนำให้เราขึ้นต้นประโยคด้วย“ฉัน”แทน“คุณ”เช่น“ฉันไม่สบายใจเลยที่คุณล้อเล่นแบบนั้น”เพราะการสื่อสารลักษณะนี้จะไม่ดูเหมือนเป็นการกล่าวโทษอีกฝ่าย แต่เป็นการเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้มากกว่า ดังนั้น นอกจากจะถือเป็นการเตือนสติคู่สนทนาแล้ว การพูดที่ไม่เป็นการกล่าวโทษนั้นก็จะช่วยหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่พอใจของอีกฝ่าย ที่อาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้ด้วย
每次感到不滿時,Travers 建議我們以「我」而非「你」的句子為開頭,例如「我不開心你那樣開玩笑」,因為這種溝通方式不會看起來像在責怪對方,而是揭露自己的情緒讓對方理解。因此,除了作為告誡對方外,不帶責怪的說話方式也有助於避免對方的不滿情緒,而這種情緒可能導致爭吵的發生。
แม้ว่า Silent Treatment หนึ่งในพฤติกรรมก้าวร้าวแบบแฝงเร้นหรือ Passive-Aggressive Behavior อาจเกิดจากเจตนาดีๆ ที่เราไม่อยากทำให้สถานการณ์ดุเดือดขึ้น แต่ในความจริงแล้ว สุดท้ายก็ไม่มีใครที่จะสามารถปิดซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงตลอดไปได้ ดังนั้น ก่อนที่อารมณ์ที่คุกรุ่นเหล่านั้นจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เราทุกคนก็ควรสงบสติอารมณ์และค่อยๆ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขจากทุกฝ่าย และรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้ในระยะยาว
儘管作為隱性攻擊行為之一的「沉默對待」(Passive-Aggressive Behavior/被動攻擊行為),可能出自於我們不想讓情況變得更加激烈的善意,但事實上,最終也沒有人能夠永遠隱藏自己真實的情緒。因此,在那些壓抑的情緒強烈爆發出來以前,我們每個人都應該讓自己冷靜下來,直率且真誠地逐步溝通,好讓問題能被雙方解決,並維持長久的關係。
本篇取自Mission To The Moon:https://missiontothemoon.co/trend-silent-treatment/